อัตราการว่างงานของไทยที่ต่ำเพียง 1% ในปี 2025 อาจทำให้หลายคนสงสัยว่าทำไมตัวเลขจึงดูขัดแย้งกับความรู้สึกว่ามีคนตกงานจำนวนมาก บทความนี้จะวิเคราะห์ปรากฏการณ์นี้อย่างละเอียด เพื่อเผยให้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตัวเลขทางการ
ตัวเลขอย่างเป็นทางการและแหล่งที่มา
ตัวเลขอัตราการว่างงานของไทยดูเหมือนจะอยู่ในระดับที่น่าอิจฉาสำหรับหลายประเทศทั่วโลก โดยข้อมูลจาก IMF ผ่าน DataMapper ระบุว่าอัตราการว่างงานเฉลี่ยทั้งปี 2025 อยู่ที่เพียง 1% ลดลงจากปี 2024 ที่ 1.1% ขณะที่สถิติรายเดือนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานอัตราว่างงานไม่ปรับฤดูกาลในเดือนพฤศจิกายน 2024 อยู่ที่ 0.94% หากพิจารณาเฉพาะตัวเลข จะเห็นว่าตลาดแรงงานไทยดูเหมือนจะ “แข็งแรง” เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
นิยามการว่างงานที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด
ความเข้าใจผิดส่วนหนึ่งเกิดจากนิยามของ “การว่างงาน” ในทางสถิติ ซึ่งมีเกณฑ์เฉพาะ โดยนิยามทางการมักหมายถึงคนที่ไม่มีงานทำเลย และกำลังหางานอย่างจริงจังในช่วงเวลาสำรวจ นั่นหมายความว่า ผู้ที่ทำงานแม้เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือผู้ที่ทำงานชั่วคราวที่ไม่มั่นคง จะถูกนับว่า “มีงานทำ” ทั้งหมด แม้ว่ารายได้จะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพก็ตาม
โครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ซ่อนปัญหาการว่างงาน
เศรษฐกิจไทยมีลักษณะพิเศษที่ทำให้ตัวเลขการว่างงานดูต่ำกว่าความเป็นจริง ดังนี้:
1. ภาคเกษตรกรรมที่รองรับแรงงานส่วนเกิน
ประเทศไทยยังคงมีประชากรจำนวนมากทำงานในภาคเกษตร ซึ่งมักเป็น “ที่หลบภัย” สำหรับแรงงานที่ไม่สามารถหางานในเมืองได้ แรงงานเหล่านี้แม้จะมีรายได้ต่ำและไม่สม่ำเสมอ แต่ก็ถูกนับว่ามีงานทำ นอกจากนี้ ในช่วง “ฤดูไม่ได้ทำงาน” ของภาคเกษตร เกษตรกรจำนวนมากไม่มีรายได้แต่ไม่ถูกนับเป็นผู้ว่างงานตามนิยามทางสถิติ เพราะพวกเขายังถือว่าเป็นเกษตรกรอยู่
2. เศรษฐกิจนอกระบบที่กว้างใหญ่
ประเทศไทยมีภาคเศรษฐกิจนอกระบบ (informal sector) ขนาดใหญ่ ที่รองรับแรงงานจำนวนมาก ตั้งแต่หาบเร่แผงลอย รับจ้างรายวัน คนขับรถรับจ้าง ไปจนถึงผู้ค้าออนไลน์อิสระ คนเหล่านี้แม้จะมีรายได้ไม่แน่นอนและขาดหลักประกันทางสังคม แต่ในทางสถิติถือว่า “มีงานทำ” ทั้งสิ้น
3. การจ้างงานต่ำระดับและไม่เต็มศักยภาพ
ปัญหาสำคัญที่ซ่อนอยู่คือการจ้างงานต่ำระดับ (underemployment) ซึ่งหมายถึงคนที่ทำงานต่ำกว่าระดับการศึกษาหรือทักษะที่มี และการทำงานไม่เต็มเวลาโดยไม่สมัครใจ กลุ่มนี้แม้จะมีงานทำแต่ไม่สามารถใช้ศักยภาพได้เต็มที่และมักมีรายได้ไม่เพียงพอ สะท้อนปัญหาโครงสร้างของตลาดแรงงานที่ตัวเลขอัตราว่างงานไม่สามารถบอกได้
กลุ่มเปราะบางในตลาดแรงงานไทย
แม้อัตราการว่างงานโดยรวมจะต่ำ แต่เมื่อพิจารณาแยกตามกลุ่มประชากร จะพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ:
1. คนรุ่นใหม่
อัตราการว่างงานในกลุ่มคนอายุไม่เกิน 24 ปี แม้จะลดลงจาก 7% เหลือ 5.1% ในช่วงกลางปี 2024 แต่ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปมาก สะท้อนว่าตลาดแรงงานไม่สามารถรองรับคนรุ่นใหม่ได้อย่างเพียงพอ ทั้งจากปัญหา skill mismatch และการขาดประสบการณ์
2. แรงงานนอกภาคเกษตร
แรงงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการมักได้รับผลกระทบโดยตรงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการแข่งขันจากต่างประเทศ ทำให้บางอุตสาหกรรมต้องลดขนาดกำลังการผลิตและจำนวนพนักงาน
3. แรงงานที่มีการศึกษาสูง
บัณฑิตจบใหม่และผู้มีการศึกษาสูงกลับเผชิญกับปัญหาการหางานที่ตรงกับสาขาและระดับการศึกษา ทำให้หลายคนต้องยอมรับงานที่ต่ำกว่าคุณวุฒิ หรือทำงานอิสระที่ไม่สอดคล้องกับสาขาที่เรียนมา
ปัจจัยที่ทำให้อัตราว่างงานทางการดูต่ำ
มีหลายปัจจัยที่ช่วยให้ตัวเลขการว่างงานของไทยดูต่ำกว่าความเป็นจริง:
- การเติบโตของภาคบริการและการท่องเที่ยว ที่สามารถดูดซับแรงงานจำนวนมาก แม้ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่มีรายได้ไม่สูงและไม่มั่นคง
- นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน เช่น มาตรการพักชำระหนี้ เงินช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ช่วยบรรเทาผลกระทบในระยะสั้น
- โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลง ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้แรงงานในตลาดมีจำนวนลดลง จึงช่วยลดแรงกดดันต่อตัวหารในสูตรคำนวณอัตราการว่างงาน
- วัฒนธรรมไทยที่ไม่นิยมอยู่เฉยๆ คนไทยมักจะหางานทำแม้เป็นงานชั่วคราวหรือรายได้น้อย มากกว่าที่จะรอคอยงานที่เหมาะสม
ความท้าทายที่แท้จริงของตลาดแรงงานไทย
ความท้าทายที่แท้จริงของไทยไม่ใช่อัตราการว่างงานที่สูง แต่เป็นคุณภาพของการจ้างงาน ดังนี้:
- คุณภาพงานและความมั่นคง – สัดส่วนของงานที่มีความมั่นคง มีสวัสดิการ และให้รายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับงานไม่มั่นคง
- ทักษะไม่ตรงกับความต้องการ – ระบบการศึกษาและการพัฒนาทักษะแรงงานยังไม่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของตลาด
- กำลังซื้อของแรงงาน – แม้คนส่วนใหญ่จะมีงานทำ แต่รายได้เฉลี่ยยังไม่เพียงพอต่อการยกระดับคุณภาพชีวิต
- ความเหลื่อมล้ำในตลาดแรงงาน – มีความแตกต่างสูงระหว่างแรงงานในและนอกระบบ ทั้งในแง่รายได้และหลักประกันทางสังคม
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
อัตราการว่างงานต่ำของไทยไม่ได้หมายถึงตลาดแรงงานที่แข็งแรง แต่สะท้อนโครงสร้างเศรษฐกิจที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งซ่อนปัญหาการจ้างงานที่ไม่มีคุณภาพไว้ การแก้ไขปัญหาที่แท้จริงต้องมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพแรงงานและการสร้างงานที่มั่นคง ผ่านแนวทางต่อไปนี้:
- พัฒนาทักษะแรงงานให้ตรงกับความต้องการ – ปฏิรูประบบการศึกษาและฝึกอบรมให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต
- ส่งเสริมการจ้างงานคุณภาพ – เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมที่สร้างงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และมีความมั่นคง
- เสริมสร้างระบบคุ้มครองทางสังคม – ขยายความคุ้มครองไปยังแรงงานนอกระบบและผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย – เพื่อสร้างงานคุณภาพในระดับท้องถิ่นและกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ
ตัวเลขอัตราการว่างงานต่ำจึงไม่ควรทำให้เราพอใจและหยุดพัฒนา แต่ควรเป็นสัญญาณเตือนให้มองลึกลงไปถึงคุณภาพชีวิตและความมั่นคงของแรงงานไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน