“หลวงปู่บุดดา ถาวโร” พระเถระที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากทั่วประเทศ

ศาสนาพุทธ
บอกต่อ:

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2563 เป็นวันน้อมรำลึกครบรอบ 26 ปีแห่งการละสังขาร “หลวงปู่บุดดา ถาวโร” แห่งวัดกลางชูศรีเจริญสุข ตำบลพักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ท่านเป็นพระเถระชื่อดังที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา มีนามเดิมว่า “มุกดา” หรือ “บุดดา” นามสกุล มงคลทอง ชาติกำเนิด : วันเสาร์ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2437 บิดาชื่อนายย้อย มารดาชื่อ นางอ่ำ มงคลทอง มีพี่น้องรวมกัน 7 คน ภูมิลำเนา : เกิดที่บ้านหนองเกวียนหัก ต.พุคา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี การศึกษา : สมัยเด็กไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะบริเวณใกล้บ้านไม่มีโรงเรียน จนเติบใหญ่จึงเป็นที่พึ่งพาช่วยบิดามารดาทำนาเลี้ยงชีพ รับราชการ :ถูกเกณฑ์ทหารเมื่ออายุได้ 20 ปี พ.ศ.2458 (ตรงกับรัชกาลที่ 6)ในกองทัพที่ 3 ศูนย์ราชการทหารปืนใหญ่ อ.โคกกระเทียม จ.ลพบุรี หลักฐานการเกณฑ์ทหารรับราชการอยู่ 2 ปี หลังพ้นราชการทหาร ช่วยครอบครัวทำงานบ้านเรื่อยมา อุปสมบท :พ้นราชการเกณฑ์ทหารช่วยบิดามารดาทำนาอยู่อีก 4 ปี จึงขอลาอุปสมบท เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2465 ที่วัดเนินยาว ต.โพนทอง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มี… “พระครูขันสุนทร” (ม.ร.ว.เอี่ยม อิศรางกูร ณ อยุธยา) เป็นพระอุปัชฌาย์ “พระครูเรื่อง” เป็นพระกรรมวาจาจารย์ “เจ้าอธิการไหล” เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ถาวโร”

แสวงหาโมกขธรรม : จำพรรษาอยู่กับพระอุปชฌาย์ 1 พรรษา จึงออกจาริกแสวงหาวิเวก บำเพ็ญสมณธรรม ธุดงค์ทั่วเมืองไทย เป็นเวลากว่า 40 ปี จนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2523 หลวงปู่บุดดาจึงได้ย้ายมาพำนักประจำอยู่ที่ วัดกลางชูศรีเจริญสุข ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี โดยได้รับนิมนต์จาก “หลวงปู่เย็น”

หลวงปู่บุดดากล่าวเสมอว่า ถือพระอุปัชฌาย์และพระสงฆ์ 25 รูป เป็นครูบาอาจารย์ อุปัชฌาย์ทุกองค์ สอนปัญจกัมมัฏฐานให้แล้วในวันอุปสมบท คือ เกศา โลมา นะขา ทันตา ตโจ หรือผม ขน เล็บ ฟัน หนัง โดยพิจารณาเรียงไปตามลำดับแล้วย้อนกลับจนเห็นชัดเจน

สมัยนั้นการศึกษาปริยัติธรรมบาลียังไม่แพร่หลาย อาศัยการหัดอ่าน ท่องบทสวดมนต์ ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็นอยู่ภายในวัด รวมทั้งได้รับการสอนกัมมัฏฐานเบื้องต้นจากพระอุปัชฌาย์ด้วยจิตมุ่งมั่น แสวงหาโมกขธรรม เพียงพรรษาแรกออกจาริกธุดงค์ไปตามภาคต่างๆ ข้ามฝั่งไทยไปสู่ประเทศลาวอย่างกล้าหาญชาญชัย เป็นการธุดงค์เดี่ยวไม่มีครูผู้ชี้แนะ มีแต่ร่มเก่า บาตรหนึ่งใบ และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเท่านั้น แต่ละเส้นทางธุดงค์หลวงปู่บุดดา ท่านได้พบปะสหธรรมหลายรูป ทั้งพระกัมมัฌฐานที่เก่งทางปฏิบัติ พระเกจิเรื่องจิตยาคม และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ อาทิ พระอุบาลีคุณุปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส, สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, พระสุพรหมยาน วัดพระบาทตากผ้า, หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย, หลวงพ่อฤาษีลิงดำ, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ฯลฯ

วัดต่างๆ ที่ไปจำพรรษา ประกอบด้วย จ.เพชรบุรี 20 พรรษา, จังหวัดลพบุรี 14 พรรษา, กรุงเทพฯ 8 พรรษา, จ.ระยอง 7 พรรษา, จ.ชัยนาท 4 พรรษา ยังไม่นับวัดที่จำพรรษาระยะสั้นๆ อาทิ วัดหนองหลวง จ.นครสวรรค์, วัดเนรัญชราราม จ.เพชรบุรี, วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี, วัดเหนือสน จ.ราชบุรี เป็นต้น

จนกระทั่งหลวงปู่บุดดามีอายุได้ 80 ปี จึงยุติการธุดงค์ด้วยสังขารไม่เอื้ออำนวย ก่อนมาจำพรรษาที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เป็นจังหวัดสุดท้ายกว่า 40 ปี

ปฏิปทาจริยวัตรเคร่งครัดในระเบียบวินัยสงฆ์ ถือครองผ้าสามผืนเป็นวัตร บิณฑบาตและถวายสังฆทานทุกวัน ฉันเพียงมื้อเดียววันเว้นวัน และฉันเฉพาะในบาตร สิ่งที่ไม่อาจขาดคือ หาโอกาสพิจารณากัมมัฏฐาน 5 ตามอุบายที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมา พร้อมเร่งทำความเพียรด้วยความมานะอดทนเป็นเลิศไม่เคยสอนให้ชาวบ้านงมงายในวัตถุมงคล หรือเครื่องรางของขลัง แต่ท่านมีวิธีอบรมใจตัวเองได้อย่างแยบคาย แม้ในยามเผชิญอยู่กับภยันตรายเฉพาะหน้า ท่านก็จะยกสิ่งที่เผชิญอยู่นั้นเป็นอุบายในการอบรมจิตใจตนเองเสมอ

เวลากว่า 40 ปี ที่หลวงปู่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขา อบรมจิตใจของท่านจนสามารถแยกแยะ กำหนด และตัดสังโยชน์ได้อย่างเป็นขั้นตอน

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ หลวงปู่บุดดาได้ร่วมพิธีทำบุญ 100 วัน พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี หลังจากกลับถึงวัดแล้วประมาณ ตี 1 หลวงปู่บุดดามีอาการป่วยโดยเฉียบพลันเกี่ยวกับเส้นเลือดสมอง “พระครูโสภณ จารุวัฒน์” (พระอาจารย์มหาทอง) จึงได้นำส่งโรงพยาบาลสิงห์บุรี นพ.วิศิษฐ์ ถนัดสร้าง ได้นำหลวงปู่เข้าเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจดูระบบสมอง พบว่าเส้นเลือดสมองด้านซ้ายอุดตันและปอดอักเสบ หลวงปู่มีอาการหอบมาก ไม่สามารถหายใจได้เอง เสมหะตกค้างในปอดเป็นจำนวนมาก แพทย์จึงได้ตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะแพทย์ รพ.สิงห์บุรี จึงนำหลวงปู่ส่งโรงพยาบาลศิริราช ณ ห้องไอซียู ตึกสยามมินทร์ ชั้น 6 โดยมี นพ.วัฒนะ ฐิตะดิลก เป็นผู้ติดต่ออำนวยความสะดวก ศ.พญ.นันทนา นะมาตร์ เป็นแพทย์เจ้าของไข้ เนื่องจากหลวงปู่ ท่านเป็นผู้สูงอายุ อาการอาพาธเกิดหลายระบบ คือ สมองฝ่อ ไตเสื่อม โรคปอด และระบบหัวใจ อวัยวะต่างๆ เสื่อมตามอายุ แพทย์ได้บำบัดเยียวยารักษาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำถวายได้

ละสังขาร : เช้าวันที่ 12 มกราคม 2537 ท้องฟ้าสลัวดูหม่นหมองเศร้าสร้อย สายตาหลายคู่เมียงมองเข้าไปในห้องไอซียูที่หลวงปู่นอนอยู่ ใจจดใจจ่ออยู่กับกาลเวลาขณะนั้นช่วงบ่ายบรรยากาศขมุกขมัวมีฝนโปรยปลายลงมาโรงพยาบาลศิริราช ประหนึ่งน้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนขนลุกและแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเวลา 19.10 น.341 วัน ของการอาพาธยุติลง มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันพุธที่12 มกราคม 2537 สิริรวมอายุ 100 ปี 7 วัน 72 พรรษา

ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 วันมาฆบูชา ผู้เขียนมีโอกาสทำบุญที่วัดสังฆราชาวาส สิงห์บุรี แล้วไปกราบหลวงพ่อจรัญฯ ที่วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี หลวงพ่อแพ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี และช่วงบ่ายไปกราบไหว้หลวงปู่บุดดา จาก 3 วัดดังกล่าว ร่างของหลวงพ่อจรัญฯ ร่างหลวงพ่อแพ และร่างหลวงปู่บุดดายังอยู่ให้กราบไหว้บูชา หลวงพ่อจรัญฯ หลวงพ่อแพอยู่ในโกฏิ ส่วนหลวงปู่บุดดาบรรจุอยู่ในตู้กระจก ณ ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี หลังกราบไหว้แล้วมีโอกาสได้พบ “พระอาจารย์แท้” รักษาการเจ้าอาวาสวัดกลางชูศรีในขณะนี้ แล้วท่านได้มอบหนังสือ “แสงธรรมส่องใจ” หน้าปกเป็นรูปสมเด็จพระศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ ในเล่มมีประวัติของหลวงปู่บุดดาและ “ธรรมะคำสอน, นิทานธรรมะ เกร็ดธรรมะ” ของหลวงปู่ฯ ที่ดีมาก และมีคุณค่าในการเผยแผ่ให้ทราบทั่วกันบางส่วนบางตอนเป็นตัวอย่าง ความว่า…

ธรรมะคำสอน : ตั้งใจน้อมนมัสการคุณพระรัตนตรัยด้วยกายพระนาม วจีพระนาม มโนพระนาม โดยสัจจะเคารพแล้ว น้อมพระธรรมเทศนาคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้ามาแสดง เพิ่มพูนปัญญาบารมีชาวพุทธทั้งหลาย ได้มาเจริญคุณพระพุทธคุณ คุณพระธรรมคุณ คุณพระสงฆ์ สั่งสมให้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีญาณมีวิชชาให้รู้ปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติเวชธรรม โดยฉับพลัน ขออำนาจแห่งคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ จูงจิตใจของพี่น้องชาวพุทธให้เข้าสู่ธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้เห็นความเกิดและความเป็นโทษ ให้เห็นความไม่เกิดไม่ตายเป็นคุณธรรมทั้งหลาย ให้เห็นว่าตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี้เป็นเครื่องอาศัย ขอให้ศีลรักษาจิตไว้ อย่าให้หลง อย่างให้ลืม

ธรรมเป็นอย่างไร? ธรรมะ ก็…“หนังแผ่นเดียว” “จิตเดียว” ซิ กิเลสมันเป็นเจ้าของ “อวิชชา” ตัณหา อุปทาน มันนึกว่าหนังของมัน เนื้อของมัน

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของมันที่ไหน มันมาอาศัยเขา เกิดยังว่าของมันอีก พ้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย พ้นในปัจจุบันนี้แหละ ให้พ้นเกิด พ้นตาย จะได้ทำงานให้ศาสนา

ต้องพูดอย่างธรรม พูดอย่างคนจะขัดคอคนนะซิ ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครแก่ ไม่มีใครเจ็บ ไม่มีใครตาย นั่นแหละเป็นแก่นศาสนา เราเกิดที่ใด เราเกิดกับผู้หญิงทุกที เราจะใคร่ประมาทพวกผู้หญิง ผู้หญิงมาเกะกะ เราก็ไม่เอา เพราะแม่เราก็เป็นผู้หญิง ไอ้พวกผู้ชายมาชวนให้เป็นพวกปล้นสดมภ์ เราก็ไม่เอา เพราะพ่อเราเป็นผู้ชาย

“มีหนังแผ่นเดียว มีจิตดวงเดียวเท่านั้น” ก็หนังแผ่นเดียวมันหุ้มอยู่ทั้งหมดกับทะลุ 9 ช่วง นะวะทะวารัง ทะลุทางตา 2 หู 2 จมูก 2 ปาก ทวารหนัก ทวารเบา อิริยาบถของกาย 24 ชม.ต้องยืน เดิน นั่ง นอน ต้องอาบน้ำ ห่มผ้า ดื่ม อาหาร ถ่ายมูตร ถ่ายออกมางามเมื่อไร ไม่งามหรอก

อาหารทุกอย่างเป็น “ยา” เลี้ยงเขาไป ตา ก็ไม่ได้ถือเป็นของเขา หู ก็ไม่ได้ถือเป็นเจ้าของ ลิ้น ไม่ได้ยึดถือเป็นลิ้น เขาทำตามธรรมชาติไปอย่างนั้นเอง ธรรมชาติเขาก็ทำหน้าที่ธรรมชาติของเขา คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อย่างนั้นเอง

ศาสนาธรรม ถืออยู่ที่ตาธรรม หูธรรม จมูกธรรม ลิ้นธรรม วาจาธรรม ใจธรรม ศาสนาอยู่ที่กาย วา หนา คืบ กว้าง ศอกนี้เอง เห็นเป็นกลางทั่วไปทั้งภายในและภายนอก ผู้ปฏิบัติต้องเห็นอย่างนี้เรียกว่าเห็นธรรม

นิทานธรรมะ : ตัวโกรธมันกลัวคนกราบพระเก่ง : เมื่อก่อนตอนหลวงปู่บวชใหม่ๆ เวลาใดมีโกรธ หลวงปู่จะรีบขอขมาด้วยการกราบ 200 ครั้ง ถ้ายังไม่หายโกรธก็กราบอีก 200 ครั้ง กราบไปจนกว่าจะหายโกรธ หลวงปู่บอกว่า ตัวโกรธมันกลัวคนกราบพระเก่ง กรรมส่งผล เมื่อสมัยหลวงปู่เป็นเด็ก โยมแม่ให้นำอาหารไปถวายพระที่วัดข้างบ้าน ท่านเดินไปแวะเล่นกับเพื่อนเพลิน จนเลยเวลาพระฉันเพล พระท่านรับประเคนแล้วให้หลวงปู่เอาคืนไปเลี้ยงกันเอง ภายหลังหลวงปู่บวชแล้วไปเชียงใหม่ ชาวบ้านได้เอาอาหารมาถวายท่านตอนกลางคืน หลวงปู่ท่านบอกว่ารับได้ให้เอาไปถวาย เอาไปทานกันเอง ท่านบอกว่าเป็นกรรมที่ทำไว้มาส่งผลในชาติปัจจุบัน

เหตุอัศจรรย์ที่หล่มสัก : ต้นเดือนเมษายน 2527 ข้าพเจ้าได้นิมนต์หลวงปู่โปรดคุณพ่อคุณแม่และญาติพี่น้องที่บ้าน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีญาติโยมติดตามมาด้วย 4-5 คน (หลวงปู่มารถตู้) มาถึงหล่มสักก็เย็นแล้ว ถวายน้ำปานะหลวงปู่หลวงพี่มหาทองแล้ว ได้จัดเตรียมที่พักให้หลวงปู่ เกรงว่าจะทำธุระส่วนตัวไม่สะดวก เพราะไม่ชินกับสถานที่ ข้าพเจ้ามองเข้าไปในมุ้งที่หลวงปู่จำวัดอยู่ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ เพราะองค์หลวงปู่ที่นั่งอยู่ในมุ้งองค์ใหญ่มากกว่าปกติ อีกทั้งยังมีแสงสว่างนวลอร่ามดังแสงดวงจันทร์วันเพ็ญล้อมรอบองค์หลวงปู่ ข้าพเจ้าปิติเป็นอย่างยิ่ง ขณะนั้นพระอุปัฏฐาก (หลวงพี่มหาทอง)ยังจำวัดอยู่ใกล้เตียงหลวงปู่ ข้าพเจ้าจึงร้องเรียกหลวงพี่เพื่อให้ดูแลหลวงปู่ (คืนนั้นสุนัขเห่าหอนทั้งคืนเหมือนเขาจะเห็นอะไร) รุ่งเช้าข้าพเจ้าเล่าให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่ว่าเมื่อคืนเทพเทวามาฟังธรรมกันมาก หลวงปู่ท่านได้แสดงธรรมให้ฟัง และเป็นเหตุอัศจรรย์เช่นนี้ ดังนั้นสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น จึงถือเป็นบุญตาของข้าพเจ้า ซึ่งมิอาจจะลืมภาพที่เห็นนี้ตลอดชั่วชีวิต

สอบผ่าน ลูกชายของเพื่อข้าพเจ้าป่วยเป็นโรคหัวใจต้องทำการผ่าตัด เพื่อนข้าพเจ้าเป็นทุกข์มาก กินไม่ได้นอนไม่หลับกลัวลูกจะมีอันเป็นไป เพราะผ่าตัดหัวใจนั้นอันตรายมาก ยิ่งเป็นคนเล็กด้วยยิ่งห่วงมาก ใครว่าพระที่ไหนดีก็ไปกราบไหว้ ขอพึ่งบุญบารมีท่านให้ช่วยสงเคราะห์ลูกชายให้พ้นจากอันตรายทั้งปวง ทราบว่าหลวงปู่มาเทศน์ที่สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ข้าพเจ้าชวนเพื่อนไปกราบหลวงปู่เพื่อท่านจะได้แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรของลูกชายให้ผ่านพ้นและปลอดภัยจากการผ่าตัดครั้งนี้

เมื่อท่านฉันเพลเรียบร้อย ข้าพเจ้าก็พาเพื่อนและลูกชายเข้าไปกราบและเรียนท่านว่าหลวงปู่เจ้าคะ หลานน้อยป่วยเป็นโรคหัวใจ หมอจะผ่าตัดวันมะรืนนี้เจ้าค่ะ หลวงปู่ :เออ สอบผ่าน แล้วท่านก็เอา “แป้ง” โรยบนศีรษะให้หลังจากนั้นลูกชายเพื่อนก็เข้ารับการผ่าตัดและปลอดภัยดี สุขภาพดีขึ้นมาจนทุกวันนี้ ด้วยบารมีของ หลวงปู่

ด้วยหลวงปู่บุดดาเป็นพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านเคยพบปะสนทนากับครูบาอาจารย์ที่เป็นศิษย์สาย… “หลวงปู่มั่น” อยู่เสมออย่างเช่น “หลวงปู่สิม” ซึ่งหลวงปู่ออกปากชมต่อคณะศิษยานุศิษย์ว่า “เรื่องธุดงค์เข้าป่าลึกและนานกันแล้วท่าน สู้อาจารย์สิมองค์นี้ไม่ได้” ด้วยภูมิปัญญาของท่านหลวงปู่บุดดา เมื่อผู้ใดสอบถามปัญญาเกี่ยวกับธรรมะ หลวงปู่ท่านจะตอบอย่างจะแจ้งดังที่จะยกมาบางส่วน ดังนี้

เกาะชายจีวร : ในวันหนึ่งมีผู้ศรัทธาหลายท่านได้มากราบหลวงปู่มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 40 กว่าปีเข้ามากราบหลวงปู่ด้วยความศรัทธา แล้วถามหลวงปู่ว่า “หลวงปู่เจ้าคะลูกจะขอเกาะชายจีวรหลวงปู่ไปนิพพานด้วยคนนะเจ้าคะ” หลวงปู่หันมาตอบว่า “ขี้แทนกันได้หรือเปล่าละ”

สึกทำไม : พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง บวชธุดงค์กรรมฐานได้หลายพรรษาแล้ว เกิดร้อนผ้าเหลืองขึ้นมามีความปรารถนาอยากจะสึกมาก เพื่อไปแต่งงาน บอกหลวงปู่ว่าผมจะสึก หลวงปู่ก็ถามเหตุผล ภิกษุหนุ่มก็อ้างเหตุผลต่างๆ นานา ตอนหนึ่งหลวงปู่ให้โอวาทว่า… “สึกทำไม พระเณรสึกทำไม เปลืองข้าววัดไม่แล้ว ยังจะเปลืองข้าวพ่อแม่อีก ยังจะให้พ่อแม่หาเมียให้ด้วย โอ่โธ่ นึกว่าจะไปทำงาน กลับไปช่วยเสียเงินเสียทอง พวกโกหกตัวเองนิ โกหกพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าหัดโกหกเลย ถ้าไม่รู้บวชเพื่ออะไรแล้วจะบวชทำไม บวชโง่ๆ งั่งๆ บวชทำไมว่ะ เกะกะบ้านเมืองเขา บวชแล้วต้องฉลาดสิ”

พระธุดงค์ : มีพระกลุ่มหนึ่งจะออกธุดงค์ ก็ได้มากราบขอพรหลวงปู่และขอคำแนะนำก่อนที่จะไปธุดงค์ หลวงปู่ก็ให้โอวาทว่า… “เข้าป่าก็ให้เข้าป่าเป็นปัญญา ถ้าเข้าป่าโง่ๆ ก็เป็น ถุดงค์ ไม่ใช่ ธุดงค์ นะ”

เกิดมาเพื่อดับกิเลสตนเอง : นักศึกษาคนหนึ่งได้เรียนถามหลวงปู่ว่า “คนเราเกิดมาเพื่ออะไร?” หลวงปู่ตอบว่า : “เกิดมาเพื่อดับกิเลสตนเองสิ ให้ละภพเด็ดขาดในภพในตัดให้ขาดจากการเป็นของคู่ ปุถุชนเต็มขั้นหนาด้วยกิเลส ได้แต่ศึกษาไม่นำมาปฏิบัติจะรู้แจ้งอย่างไรเล่า เกิดมาทำไมต้องวนเวียน เกิดแล้วตายไม่สิ้นสุดจะเอาอีกหรือ เราชาวพุทธให้เร่งเจริญอริยมรรค 4อริยผล 4 ศาสนาอยู่ที่ขันธ์ 5 ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย คนอื่นทุกคนล้วนเป็นอาจารย์ของเรา ทดสอบเราทั้งดีและชั่ว เมื่อเราดีสังขารครบบริบูรณ์แล้ว อย่าได้ทันโลกุตรธรรมเลย อย่ามัวแบกทุกข์อวิชชาอยู่เลย อย่าได้ประมาทนิ่งนอนใจนะ ขอให้…สำรวมกาย วาจา ใจให้เต็ม…ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจให้ศรัทธามั่นในโลกุตรธรรม จะได้รู้แจ้งธรรมพ้น…เกิด แก่ เจ็บ ตาย”

ธรรมะของใคร : ญาติโยมคณะพึงชอบแสวงหาหลวงปู่หลวงพ่อที่ว่าเทศน์ดี ปฏิบัติดี ธรรมะดี โยมคณะนี้ก็ไปกราบไหว้บูชาไปฟังเทศน์และปฏิบัติ ระหว่างทางก็วิจารณ์เรื่องธรรมของอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ เมื่อมาถึงวัดหลวงปู่ ทุกคนเข้าไปกราบ หลวงปู่ก็พูดว่า… “ธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ธรรมของเรานะ ธรรมะของเราจะมีอะไร”

อนึ่ง โดยที่หลวงปู่ท่านเป็นพระบ้านนอกความรู้เปรียญก็ไม่มีกับเขาสักประโยค ห่มจีวรก็มีลักษณะเฉพาะเป็นอัตลักษณ์ของท่าน ธุดงค์กลางป่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ไม่ใช้กลดและมุ้ง…ท่านบอกยุงมันมีชีวิตแค่ 7 วัน สงสารมันให้มันกินให้อิ่ม…ด้วยหลวงปู่เป็นพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ พระเถระที่ได้รับความเลื่อมใสและศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งจังหวัดสิงห์บุรีและทั่วประเทศ…

“ด้วยธรรม : หนังแผ่นเดียวซิ จิตเดียวซิ
หรือ… มีหนังแผ่นเดียว มีจิตดวงเดียว”
ด้วยศาสนาธรรม คือ…อยู่ที่ “ตาธรรม หูธรรม จมูกธรรม ลิ้นธรรม วาจาธรรม ใจธรรม”

และที่เป็นเอกลักษณ์ของหลวงปู่บุดดา คือ “แป้ง” กระป๋องจะประพรมชโลมกาย ชโลมจิต สร้างพลังใจ ให้ญาติที่มากราบไหว้ เมื่อใดแล้วเกิดความมั่นอกมั่นใจเป็นมงคลชีวิตเหมือนดั่ง “น้ำมนต์” ที่หลวงปู่ปลุกเสกให้ ไงเล่าครับ

ชาวสิงห์บุรีมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตัวท่านหลวงปู่มากมาย…สาธุ เชิญชวน : ทุกท่านมีโอกาสไปกราบไหว้ “หลวงปู่บุดดา”วัดกลางชูศรีเจริญสุข ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี

Phong Xodiax (พงษ์ โซดิแอกซ์)Phong Xodiax (พงษ์ โซดิแอกซ์)
Phong Xodiax (พงษ์ โซดิแอกซ์)

สวัสดีทุกท่านครับ เว็บ phongxodiax.com ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ แวะมาหาเราทุกวัน รับรองสิ่งดีๆ เรื่องราวดีๆ เราจะเสิร์ฟให้ถึงมือทุกท่านที่เข้าชมเว็บเราอย่างแน่นอน ของคุณครับ พงษ์ โซดิแอกซ์